อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไอน์สไตน์ชอบพูดว่า “God does not play dice.” ในเมื่อเขาค้นพบสมการที่ควบคุมกฎเกณฑ์ของสรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาล ไม่นับรวมฟิสิกส์อนุภาค
หนังสือของ อาจารย์บัญชา ธนบุญสมบัติ เล่าพัฒนาการทฤษฎีสัมพัทธภาพผ่านการพูดคุยระหว่างตัวละคร นิด หน่อย และ พี่เอก ทำให้เรื่องเข้มๆ อ่านได้แบบ เพลินๆ ทั้งยังสอดแทรกเกร็ดประวัติสนุกๆ ตลอดทาง ใครที่ชอบอ่านหนังสือแล้วคิดตาม มีข้อสงสัยก็น่าจะชอบ เพราะอาจารย์เหมือนจะอ่านใจเราได้ พลิกอ่านต่อไปสองสามหน้า นิดและหน่อย ก็จะตั้งคำถามแทนเราให้พี่เอกไขข้อสงสัย
ในหนังสือมีสมการเยอะพอสมควร แต่น่าจะคัดมาแล้วว่าไม่ซับซ้อนเกินไป ดังนั้นไม่ต้องกังวล จริงๆ เป็นข้อดีด้วยซ้ำ ช่วยให้เข้าใจอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จริงๆ ต้องขอบคุณสำนักพิมพ์ด้วยที่ ใจถึง กล้าเสี่ยง เดี๋ยวผมจะเล่าตอนที่สมการทำให้ต้องร้องว้าว
เริ่มต้นจากสัมพัทธภาพพิเศษที่ใช้กรอบเฉื่อย (inertial frame) และ การค้นพบสำคัญในยุคนั้นของ ไมเคลสัน (Michelson) กับ มอร์ลีย์ (Morley) ว่า แสงเดินทางด้วยอัตราความเร็วคงที่เสมอ จะอยู่นิ่งๆ วัด วิ่งหนีแสง วัด หรือ วิ่งเข้าใส่แสง วัด ก็ได้ความเร็วเท่ากันหมด อาจารย์ก็อธิบายให้เห็นว่าเราสามารถสร้างสูตร Lorentz transformation ที่อธิบายปรากฏการณ์ เวลายืด (time dilation) และ ความยาวหด (contraction) ที่หลายคนอาจเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง ซึ่งพอเข้าใจเรื่องเวลายืดและความยาวหดแล้ว ก็อาจยังไม่เห็นภาพ อาจารย์ก็ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเพื่ออธิบายการตรวจพบมิวออนที่ระดับน้ำทะเล คราวนี้แหละ ชัดเจน
แน่นอนว่าเนื้อหาเกี่ยวกับสัมพัทธภาพพิเศษต้องไม่พลาดสูตรไอคอนนิค E = mc2 ซึ่งอาจารย์ก็แสดงการพิสูจน์สูตรด้วยหลักการอนุรักษ์พลังงาน ที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ ได้เห็นกลวิธีแตกอนุกรม Taylor แล้วลดรูปกลับมาเป็นสูตรพลังงานจลน์ในการพิสูจน์ โอ้…จีเนียสแท้
พอมาถึงสัมพัทธภาพทั่วไปที่ไอน์สไตน์ต้องใช้เวลาเคี่ยวกรำมากถึงสิบปีเพื่อจะผนวกแรงดึงดูดเข้ามาในทฤษฎีให้ได้ อาจารย์ก็อธิบายเรื่อง principle of equivalence พร้อมกับให้ตัวอย่างหลายรูปแบบช่วยให้เราเข้าใจ the happiest thought of my life ของไอน์สไตน์ และยกตัวอย่างของใกล้ตัวที่เราใช้กันทุกวันที่ใช้ประโยชย์จากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปอย่าง GPS แล้วก็เล่าถึงเรื่องที่คอหนังไซไฟต้องรู้ คือ การเดินทางไปในอวกาศชะลอวัยได้อย่างไร
เรื่องที่ประทับใจที่สุดในหนังสือสำหรับผมคือ คำตอบชวาร์ทซชิลด์ (Schwartzchild) ที่ได้จากการแก้สมการสนามของไอน์สไตน์
ผมอาจจะเหมือนหลายคนที่ติดตามข่าวสารอยู่พอสมควร ได้ยินเรื่องราวโมเมนต์ประวัติศาสตร์การถ่ายภาพหลุมดำ หรือ เคยได้ยินคำว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ (event horizon) ผ่านหู แต่ไม่เคยรู้เรื่อง พอได้เห็นสมการคำตอบชวาร์ทซชิลด์ พร้อมกับคำบรรยายของอาจารย์บัญชา ทุกอย่างก็แจ่มชัด ชนิดที่ว่าเอาปากกามาวงได้เลยว่า พจน์นี้คือหลุมดำ พจน์นี้คือขอบฟ้าเหตุการณ์
ยิ่งเมื่อคิดว่าชวาร์ทซชิลด์ใช้เวลาแก้สมการสนามในแนวปะทะกับรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ตอนนั้นโลกยังไม่แม้แต่ระแคะระคายเรื่องหลุมดำด้วยซ้ำ ก็ได้แต่ยำเกรงอานุภาพของสมการสนาม
หนังสือจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นได้เป็นอย่างดี พออ่านจบ ก็พลิกหาภาคผนวกทันทีว่ามีคำอธิบายเรื่องคาใจที่อยากรู้ อย่าง คลื่นความโน้มถ่วง หรือ วิธีการถ่ายภาพหลุมดำ หรือไม่ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่อาจารย์ดักทางเราได้สำเร็จ ในภาคผนวกมีข้อมูลความรู้อัพเดทไว้เสร็จสรรพ คิดว่าต่อไปนี้คงดูหนังไซไฟและติดตามข่าวสารได้สนุกขึ้นเยอะ และ ก็ตอกย้ำความเชื่อว่า การอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม มีคุณค่ามากขนาดไหน