รวมบทความที่เขียนลงเว็บไซต์อัตนัย

ปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสเขียนบทความลงเว็บไซต์อัตนัย 12 เรื่อง ซึ่งเขาก็ใจดีให้เลือกเรื่องที่เขียนได้เองตามใจชอบ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจ ปรากฎว่าผมใช้เวลานานมากๆ กว่าจะเขียนบทความออกมาได้เรื่องหนึ่งเพราะต้องค้นคว้าหาข้อมูลและแง่มุมที่น่าสนใจมานำเสนอเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ อยู่แล้ว สิ่งที่ผมค้นพบคือ แทบจะทุกเรื่อง พอเราเจาะไปดูที่มาที่ไป ก็จะพบว่ามีเรื่องราวน่าสนใจต่างๆ เสมอ เลยอยากรวบรวมข้อคิดและความประทับใจที่ได้จากการเขียนบทความครั้งนี้สักหน่อย

Surely You’re Joking Mr. Feynman

ไม่ว่าคุณจะรู้จัก ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Feynman) ในฐานะเจ้าของรางวัลโนเบลด้าน Quantum Electrodynamics เจ้าของไอเดียควอนตัมคอมพิวเตอร์คนแรกๆ หรือ เจ้าของเทคนิคการเรียนรู้เพื่อความเข้าใจที่แท้จริง แต่หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ คาดว่าทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันว่าไฟน์แมนนั้น…โคตรแสบ!

The Code Book

ไซมอน ซิงห์ (Simon Singh) พาเราไปเกาะติดสงครามที่ไม่รู้จบระหว่างนักเข้ารหัสกับนักถอดรหัส พอนักถอดรหัสถอดรหัสได้ที นักเข้ารหัสก็ต้องคิดค้นเทคนิคใหม่มาแก้เกม หนังสือเล่าพัฒนาการของการเข้ารหัสตั้งแต่ในอดีตไปจนถึงการเข้ารหัสควอนตัม ผ่านเหตุการณ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องนั้นระทึกใจสุดๆ และความที่เป็นเรื่องจริงก็เลยมีรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าสนใจเต็มไปหมด ซึ่งซิงห์ก็ค้นคว้าหาข้อมูลมาเป็นอย่างดีและเล่าเรื่องได้อย่างแพรวพราว ทำให้เราลุ้นตามตลอด รับรองว่าต้องมีหลายเรื่องที่ทำให้คุณร้องว้าว

ต้นทุนบิทคอยน์ – ต่อโลกและเราทุกคน

บิทคอยน์ให้กำเนิดระบบการเงินไร้ศูนย์ (decentralized finance) และแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ให้โลกประจักษ์ นอกจากนั้นยังทำให้สกุลเงินดิจิตอล (cryptocurrency) และเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย แต่ในแง่สิ่งแวดล้อมแล้ว บิทคอยน์ถือเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกตัวใหญ่ รางวัลนักขุด ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนต่อโลก ราคาบิทคอยน์

การทำหนังสือใครปล่อยแก๊ส!

จากอีบุ๊กภาษาอังกฤษ ถึงหนังสือภาษาไทย วันก่อนผมได้ฟังพอดแคส อ่านแล้วอ่านเล่า จำไม่ได้แล้วว่ากำลังเล่าหนังสือเล่มไหนอยู่ ย้อนกลับไปฟังก็หาไม่เจอ มีช่วงหนึ่งหนังสือบอกว่าทุกวันนี้โซเชียลเต็มไปด้วยเรื่องของคนประสบความสำเร็จ ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีคุณค่าและอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แน่นอนว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นต้องผ่านความล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครเอามาเล่า หนังสือเลยแนะนำให้เราแชร์เรื่องเฟลๆ ในโซเชียลกันบ้าง ผู้คนจะได้มีกำลังใจ ผมคิดว่าเป็นคำแนะนำที่ดี เพราะถ้าเป็นเรื่องเฟลนี่ผมเขียนได้แทบไม่รู้จบ

ชำระล้างคาร์บอนฟุตปรินท์ด้วยต้นไม้ยักษ์

ถ้าคุณไม่เคยได้ยินมาก่อน คุณอาจตกใจที่รู้ว่าคนทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉลี่ย คนละประมาณ 6.5 ตัน CO2e ต่อปี ในนั้น 75% เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อคิดว่าอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80 ปีแล้ว ตลอดชีวิตเราก็น่าจะปล่อยก๊าซกันมากกว่า 500 ตันเลยทีเดียว แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้เพียงพอหักล้างกับปริมาณก๊าซที่คุณปล่อย…ยกเว้นคุณจะมีโอกาสปลูกต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่มีมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์อย่าง สนยักษ์ซีคัวญา (giant sequoia) หรือไม่ก็ เรดวูด (coastal redwood) ที่ขึ้นอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และวอร์ชิงตัน ต้นไม้ยักษ์พวกนี้อยู่ได้เป็นพันๆ ปี

อะไรเปลี่ยนเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นอาหารเลี้ยงดูคนเกือบครึ่งโลก

ไม่ว่าคุณจะชิงชังเจ้าพลังงานสกปรกนี้ขนาดไหน แต่เชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังผลิตอาหารเลี้ยงดูคนบนโลกเกือบครึ่ง ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 จนถึงกลางทศวรรษ 1960 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อและวิตกว่าจะเกิดปัญหาประชากรล้นโลก และผู้คนจะอดอยากล้มตาย (คุณก็อาจเคยเห็นในหนังอยู่บ้าง) ความกลัวที่ว่าอาจไม่ได้เกินเลยอะไร เมื่อคิดว่าในเวลานั้น โลกยังไม่รู้จักสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่ง ผลผลิตการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหล่อเลี้ยงคน 7 พันล้านกว่าคนให้มีชีวิตบนโลกใบนี้ ผลผลิตต่อไร่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 1900 เช่น ผลผลิตข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต เพิ่มขึ้นเป็น 3-4 เท่า ในอังกฤษ หรือ ผลผลิตข้าวโพดเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ในสหรัฐอเมริกา อะไรทำให้เกิดการก้าวกระโดดนี้ จริงๆ ก็หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคัดพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูง การชลประทานที่ดี เทคนิคการเกษตรที่พัฒนาขึ้น และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ปุ๋ยไนโตรเจน

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.

Back To Top